Header ADS

ไม่มีชื่อ

ปภ. แจ้งเน้นย้ำ 5 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา รับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 8 ต.ค. 65 เป็นต้นไป

วันนี้ (8 ต.ค. 65) เวลา 10.30 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเน้นย้ำ 5 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี 
และนนทบุรีเฝ้าระวังผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา 
เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65 เป็นต้นไป พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงริมน้ำที่เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์รวมถึงประสาน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ 
อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับแจ้งจาก 
กรมชลประทาน ว่า จะมีปริมาณน้ำท่าไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ช่วงระหว่างวันที่ 8 -14 ตุลาคม 2565 รวมจำนวน 492.38 ล้านลูกบาศก์
เมตร และวันที่ 14 ตุลาคม 2565 คาดการณ์ปริมาตรน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีจำนวน 1,030.61 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น กรม
ชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 830 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก 
ตั้งแต่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ถึงเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่ม
สูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30 –50 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อำเภอท่าเรือ จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างอัตรา 80 - 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้แจ้งเน้นย้ำ
ไปยัง 5 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เฝ้าระวังผลกระทบระดับ
น้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65 เป็นต้นไป โดยกำชับจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมแจ้ง
เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่
มีแนวป้องกันน้ำถาวร และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งผู้ประกอบกิจการในแม่น้ำ 
อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ผู้บังคับเรือโดยสาร/เรือโยงขนส่งสินค้าหรือวัสดุ ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจน
แจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และ
เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง 

สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขอให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ
โดยประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจาก
สถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึง 
สายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป////